Knowledge cover image
13 สิงหาคม 2565
  1. คลังความรู้
  2. Mikis Integrative Bodywork

Mikis Integrative Bodywork

พลังสัมผัส เชื่อมโยงความสัมพันธ์


เรื่องโดย เฟิร์น ศรีปุงวิวัฒน์

เราใช้ชีวิตกับเจ้าไวรัสนามว่า COVID-19 มาเกินกว่าสองปีแล้ว วิถีการดำเนินชีวิตของหลาย ๆ คนได้ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เด็ก ๆ เปลี่ยนมาเรียนออนไลน์ ผู้ใหญ่วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ ที่การออกไปทำกิจกรรมพบปะสังสรรค์กับผู้คนกลายเป็นความเสี่ยงแบบไม่รู้ว่าจะคุ้มค่าหรือเปล่า


ทุกคนน่าจะรู้สึกได้ไม่มากก็น้อยถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งในเรื่องการพบเจอกันตัวเป็น ๆ ที่ลดลงอย่างน่าใจหาย ไม่ว่าจะในบริบทของการเรียน การทำงาน หรือการทำกิจกรรมยามว่าง เราเจอกันน้อยลง สัมผัสกันน้อยลงจนกลายเป็นเรื่องปกติ (New Normal) นอกเหนือจากการสูญเสียผู้เป็นที่รักที่บางคนต้องเผชิญแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมคนเดียวนาน ๆ การต้องกักตัว และปฏิสัมพันธ์กับผู้คนน้อยลง ก็ยังส่งผลต่อสุขภาพกายและใจของหลาย ๆ คนอีกด้วย


วันนี้เราอยากชวนมารู้จักกับ Mikis Taguchi นักบำบัดทางด้าน Bodywork ผู้ทำงานกับร่างกายและพลังงานของผู้คน เขามาเล่าถึงพลังของการสัมผัส ซึ่งอาจจะเข้ามาเป็นส่วนช่วยดูแลและรักษาจิตใจในช่วงเวลาที่ไม่ง่ายของชีวิตเช่นนี้ได้



มาสนใจในศาสตร์ของกายภาพบำบัด การนวด และ Bodywork ได้อย่างไร

จริง ๆ แล้วผมมีอีกอาชีพหนึ่งเป็นชาวสวน ปลูกพืชสมุนไพรชื่อว่า อาชิตาบะ (Ashitaba หรือ Angelica Keisei) บนเกาะฮาจิโกะ (Hachigo) ซึ่งเป็นบ้านของผม จนเมื่อปี 2011 เกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้นในแถบโทโฮคุ (Tohoku) ผมได้ไปเป็นอาสาสมัครที่เซนได (Sendai) อยู่ประมาณ 3 เดือน ทำหน้าที่จัดการของที่ได้รับบริจาคมาให้เป็นหมวดหมู่ ผ่านไป 2 เดือน ผมเป็นหนึ่งในอาสาสมัครที่อยู่นานที่สุด จนกลายเป็นหัวหน้าของกลุ่มอาสาสมัคร แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ ผมรู้สึกเหนื่อยมาก เพราะงานตรงนั้นมันหนักสุด ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักเลย จึงตัดสินใจไปช่วยเหลืองานที่วัด ซึ่งมีผู้ประสบภัยหลายคนอาศัยอยู่แทน ที่นั่นผมได้เริ่มนวด และทำ Bodywork ให้กับผู้ประสบภัย


ตอนนั้นมีความรู้เรื่อง Bodywork มากน้อยแค่ไหน

น้อยมาก ผมแค่มีเพื่อนคนหนึ่งนวดไทยและทำ Bodywork ให้ผมบ่อย ๆ เธอสอนเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาบ้าง แต่ส่วนมากผมทำให้กับคนในวัดโดยใช้สัญชาตญาณทั้งหมดเลย การได้สัมผัสร่างกายของคนมันสร้างความสัมพันธ์ที่พิเศษมาก หลาย ๆ คนที่ผมนวดให้รู้สึกขอบคุณผมมาก บางคนร้องไห้ออกมาเลย เราแทบไม่ต้องพูดคุยกัน แต่ความสัมพันธ์เกิดขึ้นจากการสัมผัสเท่านั้น


ตอนนั้นมันชัดเจนมากว่านี่คือสิ่งที่ผมอยากจะทำ และสิ่งที่ผมควรจะทำ เพราะผมสามารถทำมันได้ดี มันเป็นเหมือนของขวัญที่ผมมอบให้ผู้อื่นได้ นั่นเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมหันมาศึกษาเรื่องการนวด และ Bodywork มากขึ้น ทั้งกับอาจารย์ในญี่ปุ่น เชียงใหม่ และกรีซ 



คิดว่าทำไมการนวดและ Bodywork มันเข้าถึงและสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนได้

มันทำให้ผู้คนผ่อนคลาย พอร่างกายผ่อนคลายแล้ว จิตใจก็ผ่อนคลายด้วย จึงทำรู้สึกปลอดภัย รู้สึกได้ถึงความรัก ผู้คนไม่ค่อยแสดงออกถึงความรักกันเท่าไหร่ แต่ผ่านการสัมผัส มันทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความรัก เหมือนเราได้แลกเปลี่ยนความรักผ่านการสัมผัส


ช่วงโควิดแบบนี้ ผู้คนมองการนวด และ Bodywork เปลี่ยนไปบ้างไหม

ผมคิดว่ามันได้รับความนิยมมากขึ้นนะ เพื่อน ๆ ที่ทำงานในด้านนี้ ก็พูดเหมือนกันว่ามีคนติดต่อเข้ามามากขึ้น

เหมือนกันว่าพอการสัมผัสร่างกายกันกลายเป็น ‘ของหายาก’ ผู้คนจึงได้เริ่มเข้าใจในความสำคัญ และให้ค่ากับมันมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะผู้คนโหยหาความใกล้ชิด และการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ด้วยกัน (Human Connection) มากขึ้น



คิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการทำ Bodywork

ต้องมองร่างกายคนแบบองค์รวม แต่ละส่วนมีความเกี่ยวเนื่องและสัมพันธ์กัน ไม่ใช่แค่นี่คือขา นี่คือแขน แต่เราทำงานกับร่างกายทั้งหมด โดยร่างกายนี้ก็มีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งทางรูปร่างและพลังงาน ทุก ๆ อย่างมันเกี่ยวเนื่องกันหมดเลย 

หลายคนพอทำงานไปนาน ๆ ประสบการณ์มากขึ้น เริ่มมีลูกค้ามากขึ้น เวลาก็น้อยลง แม้ว่าจะเก่งด้านเทคนิคแค่ไหน แต่ถ้าลืมสิ่งนี้ไป เราจะทำงานเหมือนร่างกายคนเป็นหุ่น ตรงนี้ตึง ตรงนี้ปวด ก็แก้ไปตามจุด แต่พอนวดเสร็จแล้ว มันรู้สึกได้จริง ๆ นะ ว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป


เพราะอะไร

เพราะเราไม่ใช่หุ่นยนต์ไง เรามีร่างกาย นั่นก็จริงอยู่ แต่นอกจากร่างกายแล้ว เรายังมีอารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำ สำหรับผมนั่นเป็นส่วนที่น่าสนใจมากกว่าแค่แก้อาการปวดเมื่อยให้หายไป และตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมเริ่มศึกษาเรื่องบาดแผลทางจิตใจ (Trauma) เพิ่มมากขึ้น บางครั้งเวลาที่ทำ Bodywork ก็สัมผัสได้ถึงบาดแผลทางจิตใจที่อยู่ในร่างกายด้วย


สัมผัสได้อย่างไร

มันเห็นภาพขึ้นมาเลย อย่างมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ผมทำ Bodywork ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง พอสัมผัสไปที่มือก็รู้สึกได้ถึงการต่อต้าน แล้วก็เห็นภาพและสัมผัสได้ว่า เมื่อตอนเด็ก ๆ พ่อกับแม่ของเธอต้องการควบคุมเธออยู่ตลอดเวลา มือและแขนของเธอพร้อมจะพูดว่า “ไม่” อยู่ตลอดเวลา พอผมถามเธอ เธอก็บอกว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ


เธอกลับมาอีกไหม

กลับมา แต่ผมก็ไม่ได้ติดตามต่อนะว่า หลังจากได้พบกับบาดแผลทางจิตใจนั้นแล้วมันเป็นอย่างไรต่อ ผมมองว่าหน้าที่ของผมคือการชี้ให้เห็นว่ามันมีบาดแผลทางจิตใจเหล่านี้ถูกเก็บไว้อยู่ในร่างกาย ซึ่งอาจจะไม่รู้มาก่อน ถ้าเธอต้องการจะจัดการกับบาดแผลทางจิตใจนั้น ก็เป็นหน้าที่ของเธอเอง ผมทำแทนไม่ได้หรอก แล้วผมก็จะไม่พูดด้วยว่า ผมสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในร่างกายได้ สิ่งที่ทำได้คือ ผมจะช่วยให้กระบวนการทำงานในร่างกายและจิตใจของเธอดีขึ้น และผมจะทำมันให้ดีที่สุด



Bodywork ช่วยในกระบวนการนี้ได้อย่างไร

การนวดและการสัมผัสช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ระบบประสาทได้ผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น สำหรับผม แต่ละ ครั้งที่ทำคือการเริ่มต้นใหม่ ผมพยายามทำให้ตัวเองว่างเปล่ามากที่สุด อะไรที่เข้ามาก็ปล่อยให้มันผ่านไป นี่คือสิ่งที่ผมพยายามฝึกฝนให้ตนเองอยู่ในสภาวะนั้นอยู่เสมอ เพราะถ้ามีความคิดติดค้างอยู่ด้านใน ผมเชื่อว่าร่างกายของอีกคนจะสัมผัสได้ แต่ถ้าทำตัวเองให้ว่างเปล่า คนที่มาทำ Bodywork กับผมจะรู้สึกว่าตนเองมีพื้นที่ให้ได้ปลดปล่อยสิ่งที่ร่างกายกักเก็บเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย บางครั้งบาดแผลทางจิตใจที่ถูกเก็บเอาไว้ก็มีพื้นที่ได้กลับเข้ามาในความทรงจำ และมีโอกาสที่จะถูกปลดปล่อยไปอีกครั้ง 


มองว่า Bodywork หรือการนวด เป็นการบำบัดไหม

ถ้าถามว่ามันบำบัด หรือช่วยรักษาคนไหม มันก็ช่วยนะ แต่ผมไม่ชอบใช้คำเหล่านี้เท่าไหร่ เพราะจริง ๆ แต่ละครั้งที่ทำมันไม่เหมือนกันเลย ประสบการณ์แบบนี้อธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ด้วย เพราะคำว่าบำบัด มักเป็นสิ่งที่ผู้เข้ามารับการทำ Bodywork รู้สึก แต่สำหรับคนที่ทำให้อย่างผม มันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์มากกว่า เป็นประสบการณ์ที่เราร่วมสำรวจและสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน



แล้วในฐานะที่ทำงานด้าน Bodywork อะไรเป็นแรงผลักดันในการทำงานนี้

ผมเชื่อว่าทุกคนมีของขวัญบางอย่างที่จะมอบให้โลกใบนี้ ถ้าคุณซ่อนของขวัญนี้เอาไว้ แปลว่ามีคนยังไม่ได้รับมัน และพวกเขาเหล่านั้นรอรับของขวัญนี้อยู่ ผมคิดว่าศาสตร์ของ Bodywork เป็นของขวัญที่ผมมีอยู่ และสามารถมอบให้กับโลกใบนี้ได้


ถึงวันนี้ มีอะไรที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติมอีกบ้างไหม

ผมคิดว่าร่างกายของคนเรายังมีเรื่องลึกลับให้ค้นหาอีกเยอะ นั่นเป็นสาเหตุที่การทำ Bodywork แต่ละครั้งมีความแตกต่างกัน แม้แต่กับคนเดียวกันก็ไม่มีครั้งไหนเหมือนกันเลย ส่วนตัวผมสนใจเรื่องพลังงานชีวิต ทำไมบางคนใช้ชีวิตแบบรักษาสุขภาพมาก ๆ แต่อยู่ดี ๆ ก็เป็นโรคร้ายแล้วเสียชีวิต ในขณะที่บางคนสูบบุหรี่ทุกวัน แต่อยู่ได้กว่าร้อยปี มันมีปัจจัยอะไรอีกมาเกี่ยวเนื่องกับคุณภาพชีวิตที่ดี นี่คือสิ่งที่ผมสนใจ และยังอย่างเรียนรู้ต่อไปเรื่อย ๆ



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Mikis Taguchi

เฟิร์น ศรีปุงวิวัฒน์ avatar image
เรื่องโดยเฟิร์น ศรีปุงวิวัฒน์นักเดินทาง ทั้งภายในและภายนอก นักเล่าเรื่องผ่านรูปภาพและตัวหนังสือ นักเรียนรู้ ที่กำลังศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจ และการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนต่อตนเองและโลกภายนอก

COMMENT

ความคิดเห็น 0 รายการ

User avatar image

RELATED

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด Krungthai ads