- คลังความรู้
- เวลาอาจทำให้ความทรงจำเลือนลาง ...แต่ไม่เคยจางหายไป
เวลาอาจทำให้ความทรงจำเลือนลาง ...แต่ไม่เคยจางหายไป
เมื่อได้ดูแลแม่จนถึงลมหายใจสุดท้ายที่จากกัน
เรื่องโดย ทีม Content ชีวามิตร
เรื่องเล่าจาก คุณทิพากร จูเจริญ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “รักไม่มีวันตาย” ที่สะท้อนถึงความรัก ความผูกพัน ซึ่งกลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันจางหายไป
“เราเป็นเด็กที่ติดแม่ ก็ไม่รู้เรียกว่าติดไหม แต่เพราะไม่ว่าแม่ทำอะไรอยู่ที่ไหน เราก็จะตามไปด้วยทุกที่ อาจเป็นเพราะเรากับพี่ชายสองคนอายุห่างกันมาก ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นนัก ก็มีแม่นี่แหละที่เราไว้ใจที่จะอยู่ข้าง ๆ ตลอด แม่จะทำกับข้าว ไปวัด สวดมนต์ไหว้พระ เราก็ตามไปทุกที่
จำได้ว่าแม่ชอบสวดคาถาชินบัญชร เรายังเด็กก็ไปนอนตักแม่ ฟังแม่สวดทุกวันจนจำได้เอง อยู่ดี ๆ ก็ท่องมนต์เองได้โดยไม่ต้องมองหนังสือสวดมนต์เลยด้วยซ้ำ แม่ทำกับข้าวเราก็ตามไปช่วยแม่แกะหอม กระเทียม เด็ดขั้วพริก ตามแต่ความสามารถในวัยนั้นจะทำได้ นาน ๆ เข้าก็เริ่มเก่งขึ้น แม่ก็เริ่มให้เราถือสากจับตะหลิว นั่นเป็นที่มาของการชอบทำอาหารในทุกวันนี้ แต่เอาเข้าจริงแม่เราก็ไม่ได้เก่งในเรื่องการทำอาหารสักเท่าไหร่ แต่แม่ทำเพราะแม่เป็นแม่
แม่จะคอยเช็ดปัดกวาดบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ นอกจากถูด้วยไม้ถูพื้นแล้ว แม่ยังเอาผ้าชุบน้ำมานั่งถูตามซอกที่ไม้เข้าไม่ถึง แม่ทำให้เราเห็นเป็นตัวอย่างทุกเรื่อง แม่สอนเรื่องความประหยัดมัธยัสถ์ แม่บอกว่าเสื้อผ้าเราเก่าก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเราซักให้สะอาดก็พอ แม่สอนให้เราพอใจในสิ่งที่เรามีไม่อยากได้ของคนอื่น
ความรักของแม่แม้ในยามที่แม่เองเจ็บป่วยก็ยังส่งมาถึงเรา
แม่เราเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนั้นเราอายุ 20 ปี มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเตรียมใจว่าเราจะเจอ ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นยายนอนติดเตียงต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ แต่ไม่เคยคิดว่าแม่เราจะเป็นอย่างนั้น วันที่รู้ว่าแม่เส้นเลือดสมองแตก เหมือนฟ้าถล่มในใจเรา ภาพยายนอนบนที่นอนเกิดขึ้นในความคิด เราไปถึงโรงพยาบาลแม่ยังนอนไม่ได้สติ ครึ่งเดือนกว่าในโรงพยาบาล แม่กลับบ้านมาพร้อมอาการพูดไม่ได้ แขนขาด้านขวาอ่อนแรง
ช่วงแรกแม่เดินด้วยไม้เท้า มีคนช่วยประคองเดินได้ดีในระดับนึง แต่การสื่อสารแม่ทำไม่ได้เลย พูดกันไม่รู้เรื่องก็ต้องเดากันไป บางครั้งแม่ร้องไห้พูดออกมาว่า ตาย ๆ ๆ แม่รับรู้แต่แม่สื่อสารไม่ได้
อีก 4 - 5 ปีต่อมา แม่เส้นเลือดสมองตีบอีกครั้ง ครั้งนี้แม่อ่อนแรงลงกว่าเก่า จากเคยเดินได้ด้วยไม้เท้า คราวนี้แม่เดินไม่ได้ ต้องนั่งบนรถเข็นตลอดเวลา แต่เราคิดว่าแม่ก็ยังมีกำลังใจที่ดี เราเลิกงานกลับถึงบ้านบางทีเราเผลอหลับบนเตียงข้าง ๆ รถเข็นแม่ แม่จะลูบหัวเราเบา ๆ ถึงแม่พูดไม่ได้ แต่เรารับรู้ได้ว่าแม่รักเราตลอด
อาการของแม่เป็นอยู่อย่างนี้จนเข้าปีที่ 12 แม่เริ่มกลืนอาหารไม่ได้จนหมอต้องสอดสาย ดังนั้น แม่จึงมีทั้งสายปัสสาวะจากอาการนิ่วในไตที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ และสายอาหารในรูจมูก แม่อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ จนแม่นั่งบนรถเข็นไม่ไหว ต้องนอนบนเตียงตลอดเวลา แม่มีสติรับรู้เพียงแต่พูดไม่ได้
สิ่งที่เราต้องทำให้แม่เป็นประจำทุกวันคือ การอาบน้ำ เพราะไม่อยากให้แม่เป็นแผลกดทับ ชีวิตประจำวันของเราจะวนเวียนอยู่กับการดูแลแม่ตลอด ตื่นตี 4 มาเทปัสสาวะออกจากถุง อุ่นอาหารเพื่อเตรียมฟีดแม่ในมื้อเช้า เตรียมอาหารให้ลูกก่อนไปโรงเรียน เริ่มให้ยาหลังอาหาร ไปตลาด เตรียมกับข้าว ปรุงอาหารเหลวให้แม่ มีผลไม้ปั่นเพิ่มกากใย ไม่อย่างนั้นผู้ป่วยติดเตียงจะท้องผูกมาก เราต้องหาผลไม้ต่าง ๆ มาแกะเมล็ดออก ปั่น กรอง เอาไว้เป็นอาหารเสริม อุ้มแม่ขึ้นรถ อาบน้ำ แปรงฟัน บางครั้งก็ต้องสวนอุจจาระด้วย เพราะถ้าไม่ถ่ายหลายวันแม่จะท้องผูกมาก ถ้ากลางวันไม่มีงานบ้านก็จะไปนั่งเฝ้าแม่ที่ข้างเตียง อ่านหนังสือบ้างนั่งดูโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ บ้าง บางทีก็พูดคุยหยอกเย้าแม่ ก็ได้เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ ของแม่
ถึงแม่จะเจ็บปวดมาก เราสังเกตเห็นการหายใจของแม่ ช่วงหลังแม่ต้องอ้าปากหายใจตลอดเวลา ถ้านอนหงาย เราให้แม่นอนตะแคงจะนอนหลับได้ ไม่ทรมาน แม่เหนื่อยมากจากการหายใจแบบนี้ เห็นอาการแม่ก็เริ่มรับรู้แล้วว่าเริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว จึงปรึกษากับพี่ชายว่า แม่ดูไม่ค่อยไหวแล้วนะ เราพี่น้องไม่ได้อยากให้แม่ต้องเจาะคอหรืออะไรใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเรารู้ว่าการทำอย่างนั้นมีแต่ทำให้แม่ต้องทรมาน
แม่จากไปอย่างสงบในคืนวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561
17 ปีนับตั้งแต่แม่เริ่มป่วย เราคิดว่าเราทำเต็มที่ เต็มกำลังที่ลูกจะดูแลแม่ได้แล้ว ยอมรับว่ามันไม่ง่ายกับชีวิตรูปแบบนี้ ความทุกข์ ความเครียดไม่ใช่เพื่อนที่เราจะกอดคอและเดินไปด้วยกัน ยิ่งพยายามสลัดมันทิ้ง มันยิ่งเกาะติดเราแน่น เราเพิ่งรู้ว่าเรื่องของความทุกข์ ก็มองแค่ว่ามันคือทุกข์ จริง ๆ มันทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าเราไม่ไปยึดติด หรือพยายามที่จะปัดมันออกไปก็ตอนที่แม่เสียนี่เอง
การตายของแม่สอนให้เรียนรู้เรื่องการจากลา ปีแรก ๆ ที่แม่ป่วย เราคิดว่าเราคงทนไม่ได้ถ้าแม่ตาย 17 ปีต่อมา เราคิดว่า เราทุกคนล้วนต้องตายจากกันทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวเราเอง
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ป.ล. ด้านบนเป็นบทอาขยานที่แม่ชอบท่องให้ฟังตั้งแต่เด็ก เราท่องจำได้ไม่เคยลืม แม่สอนเราด้วยบทอาขยานนี้”
