การพิจารณานิยามของ “ความตาย” ทำให้เราต้องพิจารณานิยามของ “ชีวิต” และทำให้เราต้องหันมาพิจารณาความหมายของ “มนุษย์” ด้วย…

แง่คิดจาก "วาระสุดท้าย: คู่มือสบตากับความตายอย่างอบอุ่นและซื่อตรง" หนังสือดีอีกเล่มที่ชีวามิตรอยากแนะนำให้อ่านกัน.

ชื่อหนังสือก็บอกอยู่แล้วว่า เนื้อหาต้องเกี่ยวข้องกับความตาย แต่การถ่ายทอดของ แซลลี ทิสเดล ผู้เขียน ซึ่งเป็นพยาบาลและผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ทำให้เรากล้าสบตากับมันได้อย่างเข้มแข็งและเข้าใจมากขึ้น ทั้งในฐานะผู้อยู่ใกล้ชิดคนตาย และในฐานะที่จะเป็นคนตายในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า

แซลลี เป็นผู้ศึกษาพุทธนิกายเซน เธอจึงสอดแทรกมุมมองธรรมะไว้ในตลอดเนื้อหา และยิ่งทำให้หนังสือเล่มนี้มีความกลมกล่อมสำหรับผู้ที่ยอมรับว่า ความตายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุกคน

สิ่งน่าสนใจคือ การเล่าถึงประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความตาย การเตรียมตัวตาย สิทธิและทางเลือกในการตายดี เรื่องการุณยฆาต ธรรมเนียมการทำศพในหลากหลายวัฒนธรรม นวัตกรรมการจัดการกับศพ ไปจนถึงแนวทางการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care) และการปฏิบัติต่อผู้ป่วยระยะท้าย เพื่อมีชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีคุณภาพ ยังเป็นการเปิดมุมมองในมิติต่าง ๆ ของการใช้ชีวิตไปด้วย

โดยเฉพาะการตั้งคำถามถึง “วันพรุ่งนี้” ที่หลายคนหมายถึง “การวางแผนชีวิต”

…สิ่งที่เราต้องทำ งานที่ต้องจัดการ หรืออะไรอีกมากมาย แต่ส่วนใหญ่กลับลืมนึกถึงว่า ถ้าวันพรุ่งนี้ของเราเกิดมาไม่ถึงล่ะ ถ้าวันพรุ่งนี้เราไม่มีลมหายใจอยู่ในโลกใบนี้แล้ว ควรวางแผนรับมือหรือเตรียมการอย่างไร

หนังสือเล่มนี้จึงไม่ได้เหมาะกับแค่ผู้ป่วยระยะท้าย คนใกล้ตาย หรือผู้ดูแลคนใกล้ตายเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับทุกคนที่มีชีวิต คนที่ยังแข็งแรงอยู่ คนที่ยังไม่ได้เจ็บป่วยอะไร เพื่อเตรียมความพร้อมให้กล้าค้นหาความหมาย และเปิดใจยอมรับความตายที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกวินาที และที่สำคัญคือ เมื่อยอมรับแล้วก็กล้าวางแผนเพื่อให้การจากไปนั้นมีคุณภาพ สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่สร้างความกังวลใจ ทุกข์ใจ หรือภาระให้กับคนที่เหลืออยู่ข้างหลังมากจนเกินไป

ลองอ่านกันดู ชีวามิตรเชื่อว่า คุณจะเข้าใจชีวิต ณ ขณะนี้ของตัวเองได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

หาซื้อหนังสือ “วาระสุดท้าย: คู่มือสบตากับความตายอย่างอบอุ่นและซื่อตรง" ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป