Knowledge cover image
18 ตุลาคม 2568
  1. คลังความรู้
  2. ลมหายใจเพื่อนชีวิต

ลมหายใจเพื่อนชีวิต

ช่างจ้ำ - อานุศานติ์ เผ่าจินดา เจ้าของ Jum’s bike studio ชายผู้มีลมหายใจเป็นเพื่อนชีวิต


เรื่องโดย ทีม Content ชีวามิตร

“การหายใจที่ดีทำให้การทรงตัวดี การทรงตัวที่ดีทำให้การเคลื่อนไหวดี…

และไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม หายใจ ทรงตัว และเคลื่อนไหว มันจะเป็นส่วนหนึ่งของเราตลอด เพราะมันคือธรรมชาติของเรา ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ทุกอย่างดี มันต้องเริ่มต้นที่สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือการหายใจ ถ้าหายใจดีอย่างอื่นก็ดีตามไปหมด”


ช่างจ้ำ-อานุศานติ์ เผ่าจินดา (Jum’s bike studio) เล่าเรื่องที่ดูเหมือนง่ายทว่าซับซ้อนด้วยน้ำเสียงสบายๆ บทสนทนาระหว่าง “ชีวามิตร” กับ “ช่างปรับจักรยาน” คนแรกในประเทศไทยจึงไม่ได้อยู่แค่เรื่องของจักรยาน แต่เขากำลังชวนเราเข้าไปทำความเข้าใจเรื่องของการหายใจที่เป็นเพื่อนชีวิตของเขาในทุกวันนี้

 


จากนักปั่นมาเป็นนักปรับจักรยาน


“bike fitter แปลตรงตัวคือคนที่ปรับจักรยานให้เข้ากับสรีระของคน” หลังจากแนะนำตัวช่างจ้ำเล่าย้อนให้ฟังว่าเขาเรียนจบด้านการจัดการการท่องเที่ยว หลังเรียนจบได้ทำงานเป็น cycling guide และเมื่อเรียนต่อปริญญาโทเขาทำวิทยานิพนธ์โดยการออกแบบธุรกิจรับซ่อมจักรยานถึงที่บ้าน จากวันนั้นถึงปัจจุบันผ่านมากว่า 15 ปีแล้ว เป็นสิบห้าปีที่พาเขามาไกลทั้งด้านการงาน ชีวิตและความคิดด้านใน


สิ่งที่ทำให้เขาสนใจศาสตร์ของ bike fitter เกิดจากความเป็นคนชอบตั้งคำถาม หาคำตอบและพิสูจน์ด้วยตัวเองจนกว่าจะพบคำตอบที่ใช่ให้ได้  


“ผมซื้อจักรยานใหม่แล้วผมก็อยากปั่นมาก มันคือรถที่ดีที่สุดที่ซื้อได้เลยตอนนั้น แต่พอไปปั่นปรากฏว่ารถคันเก่าปั่นสบายกว่า เราเลยสงสัยก็ไปหาข้อมูลว่าอะไรที่มันทำให้ปรับจักรยานได้ ตอนนั้นเลยเพิ่งทราบว่า อ๋อ มันมีอาชีพนี้ด้วย แต่ตอนนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่เยอะมาก ต้องสั่ง textbook หาซื้ออุปกรณ์มาแล้วก็เริ่มลองทํากับตัวเอง ลองปรับ ลองวัด และลองทํากับเพื่อนกับลูกค้า ทําไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มคิดเงิน”




จากนั้นเขาได้ค้นคว้าและไปเรียนรู้ bike fitting จากสถาบันต่าง ๆ อีกหลายแห่ง ทุกครั้งที่เกิดคำถามกับการทำงานก็จะหาที่เรียนเพื่อตอบโจทย์ที่อยู่ในใจ กระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้พบคนที่เป็น “ครู” ผู้ให้คำตอบที่ถือเป็นแก่นทฤษฏีของการปรับจักรยานที่คลายข้อสงสัยทั้งหมดที่มีอยู่




“การ fitting มันมี 2 แบบที่เขาจํากัดความกัน แบบสมัยโบราณเรียก static fitting วัดตามจุดที่เราหยุดปั่น อีกแบบคือ dynamic fitting ใช้อุปกรณ์ที่ไฮเทคขึ้นวัดตอนที่เราเคลื่อนที่ได้ ซึ่งเราไปเรียนแล้วมาทำงานแล้วก็ เฮ้ย มันก็มีจุดอ่อน มันมีคําถามอยู่ เราก็ไปเรียนเพิ่มอีก ทําไมมันไม่มีใครที่ตอบคำถามให้เราได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์สักที ทําไมมันมี error อยู่ ทําไมมันไม่สมบูรณ์แบบ ไปเรียนที่เป็นวีดีโอแคปเจอร์ ถ่ายวิดีโอแล้วเอาโปรแกรมไปจับ มีการตรวจสอบร่างกายที่ละเอียดขึ้น มีเรื่องนักกายภาพมีเรื่องนักโภชนาการ มีเรื่องอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วก็ยังไม่โอเคอีก คือที่เรียน ๆ มามันก็ทํางานได้ตลอดแหละ ก็มาต่อยอดเพราะเราไม่ได้หยุดแค่ว่าเรียนจบมาแล้วทํางานได้ แต่เราพยายามจะหาข้อผิดพลาดของมัน มีความสงสัยไม่มั่นใจ เราหาจุดที่เชื่อมั่นไม่ได้ เราก็หาไปเรื่อย ๆ



สุดท้ายมีโอกาสได้ไปเรียนกับ “สตีฟ ฮอกก์” (Steve Hogg) สำหรับ bike fitter ทุกคนในโลกรู้จักหมด เรียกแกว่าเป็นก็อดฟาเธอร์ของ bike fitter นั่นแหละที่ผมได้ไอเดียอันหนึ่งคือ แกบอกว่าการทำ bike fitting มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก สิ่งสำคัญคือการที่เราจะต้องทำให้ร่างกายทํางานได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ แล้วแกก็บอกว่าแค่การปรับรถมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่การที่เราดูแลสุขภาพแม้แต่เรื่องการกิน การหายใจ การนอน จะช่วยให้ประสิทธิภาพที่เราทํา bike fitting สมบูรณ์ มีแก่นของการทำ bike fitting ที่แกอธิบาย ผมก็แบบ…เปิดโลกเลยว่า อ๋อ ไอ้สิ่งที่เราโฟกัสเป็นสิ่งที่มันอยู่ปลายทาง แล้วแกก็ให้ไอเดียว่าเรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญนะ ก่อนหน้านี้ผมกินมังสวิรัติมา 10 กว่าปีนะครับแต่แกมีระบบเทสต์ร่างกาย พบว่าผมแพ้ข้าว แพ้ถั่ว และต้องกินเนื้อสัตว์ มันเลยเหมือนผมเพิ่งได้เปิดโลกทัศน์ในฝั่งที่มันลึกขึ้น เมื่อสักปีที่แล้วนี่เอง“



เราขอให้ช่างจ้ำขยายความเพิ่มเติมอีกสักนิด เขาอธิบายว่า


“bike fitting ทั่วโลกจะทําเรื่องที่เกี่ยวกับองศา เพราะเป็นเรื่องที่สามารถวัดผลได้ เรื่องอย่างอื่นมันสื่อสารกันยาก ส่งผ่านกันยาก เราจะทําเป็นการค้ามันวัดได้เต็มที่คือวัดความสามารถในการเคลื่อนที่ของร่างกายก่อนแล้วก็เอามาพล็อตเป็นองศาอยู่บนจักรยานแล้วก็จบ แต่ของสตีฟเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องรองมาก เพราะว่าเงื่อนไขสำคัญของการปั่นจักรยาน การต้องดํารงชีวิตอยู่บนจักรยานจะมีองค์ประกอบคือ 1 เราต้องหายใจ อันนี้เป็นองค์ประกอบหลักเลยที่เราต้องใช้  2 คือเราต้องทรงตัว และ 3 ถึงจะเป็นการเคลื่อนไหว เราจึงจะปั่นจักรยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์ประกอบ 3 หลักนี้ต้องสมบูรณ์ตามลําดับด้วยนะ ไม่ใช่สมบูรณ์ทีละอย่าง ไม่ใช่เคลื่อนที่ได้ดีแต่ว่าหายใจไม่ดี ร่างกายมันก็บกพร่องนะครับ เพราะว่าร่างกายทำงานอยู่ในเงื่อนไขของระบบประสาท จริง ๆ การดํารงชีวิตทุกอย่างมันใช้องค์ประกอบพวกนี้เป็นหลักอยู่แล้ว องค์ความรู้ที่ได้เรียนเพิ่มเติมมาช่วยจัดการให้เราดํารงชีวิตได้ดีขึ้นตามไปด้วย”


ถามช่างจ้ำว่าเรียนกับสตีฟถือว่าจบเลยไหมในการเรียน fitting จักรยานเขาตอบว่า


“ผมว่าจบในเชิงแก่นของทฤษฎีเพราะว่ามันเป็นพื้นฐานธรรมชาติของมนุษย์ ส่วนในเรื่องเทคโนโลยีก็จะมีต่อยอดไปได้เรื่อยๆ

ตอนนี้ผมไม่ได้ปรับจักรยานอย่างเดียวเพราะผมมีความเชื่อว่าเวลาเราปรับจักรยานให้ แต่ถ้าร่างกายยังทํางานเหมือนเดิมมันก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไหร่ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือสร้างความเข้าใจพื้นฐานให้ลูกค้าว่าเขาจะต้องใช้งานร่างกายยังไง ร่างกายทํางานยังไง เริ่มต้นยังไง จัดการกับการเคลื่อนไหวยังไง”  



หายใจดีและมีสติ


“การปั่นจักรยานสําหรับผมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลย เพราะว่าเป็นงานด้วย เป็นงานอดิเรกด้วย เป็นสิ่งที่ชอบและระหว่างที่ทําก็เหมือนเราฝึกสมาธิไปเรื่อย ๆ เป็นหลายอย่างในชีวิต และถ้าถามว่าการขี่จักรยานให้ความสุขอะไรกับผม น่าจะหลายอย่างมากเลยครับ ตอนนี้สิ่งที่ผมทําก็คือผมโฟกัสเรื่องฟอร์ม เรื่องการหายใจ โฟกัสว่าเรามีสติอยู่กับมัน บนพื้นฐานเลยคือขี่คนเดียวไม่ได้ยุ่งกับใคร เราได้ฝึกสิ่งพวกนี้เหมือนเราทำอานาปานสติบนจักรยาน



การหายใจฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ๆ ตัว แต่ไม่น่าเชื่อว่ารายละเอียดของการหายใจนั้นเชื่อมโยงมากมายกับระบบประสาท การทรงตัว และการเคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่เชื่อมโยงกันนั้นจะทำงานได้เต็มที่เมื่อมีการหายใจที่ดี แล้วการหายใจที่ดีคืออะไรเล่า ช่างจ้ำตอบง่ายๆ ว่า


“การหายใจที่ดีก็คือใช้จมูกหายใจเพราะมันเป็นอวัยวะในการหายใจ หลาย ๆ คนจะใช้ปากในการหายใจโดยไม่รู้ตัวเพราะว่ามันง่าย หายใจด้วยจมูกมันมีการกรองฝุ่น มีการใช้กล้ามเนื้อกระบังลมที่สมบูรณ์ ซึ่งนี่เป็นเรื่องหลักที่บ่งบอกว่าเราจะจัดการร่างกายการทรงตัวให้ดีตามไปด้วย มันมีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ดีกว่า เวลาที่เราหายใจมันมีกล้ามเนื้อที่ทํางานร่วมกันอยู่หลายส่วน อวัยวะที่เราหายใจเรามักคิดว่าเราใช้ปอด แต่ตัวปอดมันไม่มีกล้ามเนื้อ ตัวที่ทําให้เราหายใจได้มี 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือกล้ามเนื้อกระบังลมและกล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างซี่โครงพวกกล้ามเนื้อในช่องอกอะไรพวกนี้ที่จะทําให้เราสร้างแรงดูดให้กับปอดได้ ดังนั้นถ้าหายใจดีก็คือเราใช้กระบังลมเป็นหลักเพราะเราสามารถรักษาการทรงตัวที่มั่นคงได้ ลองสังเกตดูบางคนหายใจด้วยการยกตัว ร่างกายก็เจ็บ เกิดการยกเพราะว่าเราต้องการใช้ช่องอกในการขยายนะครับ

แต่ว่าบางคนหายใจโดยที่ตัวยังนิ่งอยู่หายใจโดยการใช้กระบังลม หายใจเข้าปอด จริง ๆ มันทำงานร่วมกันนะครับ”



แล้วทำอย่างไรจึงจะหายใจได้ดี?


“ต้องฝึกเท่านั้น เป็นวิธีเดียวที่เราจะทําให้ร่างกายเราชินกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด เพราะมันจะมีเรื่องระบบประสาทนี่แหละมาคอนโทรลเราอีกทีหนึ่ง แล้วการที่เราฝึกทำซ้ำๆๆๆ มันก็จะกลายเป็นนิสัยของเรา เป็นร่างกายของเรา”


ลมหายใจนั้นต่อเชื่อมไประบบร่างกายในทุก ๆ ส่วน ช่างจ้ำยกตัวอย่างว่า


“ถ้าผมหายใจดีผมคอนโทรลฮอร์โมนบางอย่างได้ เพราะว่ามันไม่ต้องหลั่งออกมาในสภาวะที่ยังปกติ

ตัวหลัก ๆ เลยก็พวกคอร์ติซอลซึ่งเกี่ยวข้องกับความความเครียด สมมติว่าเราเครียดโดยไม่รู้ตัว การหายใจเราก็จะแย่ลง เราอาจจะยังหายใจด้วยจมูกถ้าฝึกมาบ้างแต่ว่ามันไม่สม่ำเสมอ ไม่เสถียร พอเป็นอย่างนั้นการทำงานภายในบางอย่างของเรามันก็จะรวน


ถ้าเราอยากคอนโทรลทุกอย่างให้ดี ให้เริ่มที่การหายใจ มันคือพื้นฐานของสิ่งที่ผมตามหามานาน เพราะผมสงสัยว่าทําไมพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเราจะมีความสามารถมากขึ้นผ่านการหายใจ ทำไมถึงบรรลุธรรมได้โดยการนั่งสมาธิ นั่งเฉย ๆ อย่างนี้มันจะเป็นบรรลุธรรมได้ยังไง สงสัยมากเลยนะ แล้วมันจะมีความคิดแล้วมันจะอะไรยังไง ตอนนี้ผมเริ่มเห็นภาพคร่าว ๆ ละ แต่จะไปถึงขั้นนั้นก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง มันเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะไปต่อในการหลุดพ้น”



“ผมพยายามโฟกัสในการทํากิจกรรมอย่างอื่นด้วยไม่ใช่แค่ปั่นจักรยาน เนื่องจากเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อในศาสนาพุทธ ผมก็มีสวดมนต์นั่งสมาธิบ้างแต่ไม่บ่อย แล้วพอเข้าใจเรื่องสติบ้าง เข้าใจผิวเผินนะ เราจะต้องมีสติ เราไม่รู้จะเอาสติไปทําอะไรนะจริงๆ นั่งอยู่รู้ แต่ว่าแล้วมันเอาไปทําอะไร… จริง ๆ  มันมีกลไกที่ละเอียดมาก ถ้าเราหายใจอยู่เรารับรู้ทุกอย่างและพร้อมจะทําอย่างอื่นต่อจากนั้น นั่นคือสติที่มันเอาไปใช้ได้จริง ถ้าเรามีสติที่จะหายใจแล้วเราก็หายใจดีด้วย เราก็จะพร้อมจะทํากิจการตามที่วางแผนไว้ หรือรับมือกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นโดยที่ไม่ได้วางแผนไว้”

ไปให้ไกลกว่าแค่ปรับจักรยาน


ความรู้เรื่องการหายใจเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับร่างกายนั้นช่างจ้ำบอกว่าได้รับหลักการมาจากสตีฟ ฮอกก์ รวมถึงหลาย ๆ แนวคิด ไอเดียที่ได้มาจากการทุ่มเทเวลาหนึ่งเดือนไปเรียนรู้อยู่กับครูคนนี้ที่ออสเตรเลียเมื่อต้นปี 2024 ซึ่งกว่าเขาจะได้รับการยอมรับให้ไปเป็นนักเรียนก็ใช้เวลารอคอยและฝึกฝนตัวเองนานถึงสิบปี เมื่อเรียนจนพบคำตอบของคำถามหลาย ๆ อย่างที่ค้างคาใจ เขาผู้ซึ่งรักจักรยานมากสามารถพูดคำว่า

“จักรยานเป็นเรื่องเล็กน้อย” ได้อย่างง่าย ๆ เลยทีเดียว


“จักรยานเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เรื่องสําคัญที่สุดก็คือเรื่องของร่างกายเรา ซึ่งร่างกายเรามีเงื่อนไขแบบนี้ ต้องทำงานแบบนี้ การเคลื่อนที่การเคลื่อนไหว เราจะกิน เราจะเดิน เราจะทําอะไรมันถูก control ด้วยสมอง สั่งการผ่านระบบประสาท ฉะนั้นจะมีการทํางานที่เป็นระบบประสาทควบคุมไว้ นี่คือสิ่งที่ไม่มีที่ไหนสอนแต่ผมได้เรียนรู้จากสตีฟ และเขามีโค้ดคำพูดดี ๆ ที่ผมชอบมากหลายอันเลย อย่างอันหนึ่งที่ผมชอบมากคือ แกบอกว่า มันไม่มีใครที่อยู่ในค่ามาตรฐาน แกใช้ภาษาอังกฤษว่า no one’s average อันนี้ดีมาก เพราะว่ามันทําให้เรายอมรับธรรมชาติของเราจริง ๆ แต่ละคนมีความ unique หมดเลยนะครับ เป็นฝาแฝดกันก็จะมีลักษณะเฉพาะที่ต่างกันอยู่ดี เพราะฉะนั้นทุกคนก็คือลักษณะเฉพาะ ดังนั้นเรา ก็ได้ไอเดียว่าเราจะทําจักรยาน แต่ละคนมีลักษณะเฉพาะของเขา แล้วก็การดํารงชีวิตของเราเองก็เหมือนกัน เราก็มีลักษณะเฉพาะของเราเอง เราอยากรู้อะไรเราก็ทดลองแล้วก็พิสูจน์”


“ทุกวันนี้อย่างที่ผมบอกว่า definition ของ bike fitting ผมเปลี่ยนไป มันควรจะต้องไปไกลกว่าการมาปรับจักรยาน แต่ว่าแต่ละคนก็มีความคาดหวังต่างกันครับ บางคนมาก็บอกอยากถ่ายรูป อยากมาเจอช่างจ้ำ บางคนก็บอกว่าไม่รู้จักช่างจ้ำ เพื่อนแนะนํามา อยากมาปรับจักรยาน บางคนก็มองว่าผมจะพูดอะไรเยอะแยะแค่มาปรับจักรยานแล้วก็อยากกลับละ ก็มีคนหลายแบบ

สิ่งที่เราพยายามจะหา พยายามจะศึกษาต่อยอด เพื่อจะได้ตอบคําถามสําหรับคนที่อยากรู้ให้ได้

ผมก็อยากรู้เยอะ บางคนสงสัยเรื่องสุขภาพ ผมก็จะออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่ได้เรียนมาด้านนี้โดยตรง ผมก็แค่หาข้อมูลแล้วพิสูจน์ในมุมของผม ผมให้ไอเดียจากคนที่มีประสบการณ์พิสูจน์มาก่อน แล้วก็ให้คุณไปพิสูจน์เอง”


โค้ดคำพูดของสตีฟที่เขาชื่นชอบและแบ่งปันให้เราฟังคือ


The best core exercise is sit tall and stand tall. เป็นโค้ดคำพูดอีกอันที่ผมชอบมากๆ  

การออกกําลังกายแกนกลางที่ดีที่สุดก็คือการที่เรานั่งตัวตรงยืนตัวตรง อันนี้ความหมายมันเยอะมากเลยนะ”


เขาอธิบายว่าคนเราออกกำลังกายอย่างเต็มที่ก็ใช้เวลาไม่นานเมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตปกติประจำวัน ดังนั้นหากเรายืดตัวตรงเป็นประจำก็จะทำให้ร่างกายเราดีขึ้นด้วย



“การยืดตัวยืนตรง นั่งหลังตรงมันเป็นการ exercise ตลอดเวลา เพราะเราต้องใช้กล้ามเนื้อในการประคองกระดูกพวกนี้ด้วย แล้วมันเกิดขึ้นตลอดเวลา เกิดขึ้นนิดหน่อยแต่ตลอดเวลา ฉะนั้นแล้วพอเราทำอะไรเราก็จะมี posture ที่ดี ร่างกายก็พร้อมที่จะออกแรง แล้วมันก็ไปสัมพันธ์กับการหายใจดีด้วย”

 

ลมหายใจและสติคือเพื่อนชีวิต


“เพื่อนชีวิตสําหรับผมหรือครับน่าจะเป็นเรื่องลมหายใจกับสติ ก็คือเหมือนสนิทกันแหละ แต่ว่าทะเลาะกันไปเรื่อย ๆ ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่ แต่เป็นเพื่อนที่ดีมาก เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ ตรงไปตรงมา

แล้วก็ให้ประโยชน์กับเราตลอด ก็อยากให้ให้ลองคบหาเพื่อนคนนี้ดู ทุกคนมีเพื่อนสนิทอย่างนี้แต่แค่ต้องนัดเจอกันบ่อย ๆ นะ” (หัวเราะ)  

 

สุขภาพใจที่ดีคือการอยู่ดี


“การอยู่ดีคือการมีสุขภาพใจที่ดี คือจากการที่ทดลองหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเองมาครับ

มันก็จะมีคําจํากัดความของการมีสุขภาพดีว่าต้องออกกําลังกายถึงจะมีสุขภาพที่ดีอาทิตย์ละ 300 นาที

จะต้องกินอาหารที่ดีร่างกายถึงจะดี จะต้องนอนหลับพักผ่อนที่ดีถึงจะดี แต่ว่าสำหรับผมจริง ๆ ไอ้สิ่งที่มันเกิดขึ้นตลอดเวลาเป็นปริมาณเยอะที่สุดก็คือความคิดและสุขภาพจิต ทั้งที่เราสนใจหรือไม่สนใจ ความเครียดนั่นเอง ความเครียดเกิดขึ้นตลอดเวลา ฉะนั้นถ้าจะโฟกัสจริง ๆ โฟกัสสิ่งที่มันเกิดขึ้นตลอดเวลาที่ทำให้เรามีปัญหาสำคัญที่สุด กินดียังกินแป๊บเดียว ออกกําลังกายดี โอโห วิ่งไปเลยวันหนึ่งชั่วโมงหนึ่งก็เหนื่อยจะตายแล้ว นอนแบบนอนดี ๆ  ถามหน่อยว่าอายุ 40 กว่าอย่างนี้มีใครนอนเต็มที่ได้แบบหลับเต็มอิ่ม 10 ชั่วโมง ไม่ค่อยมีหรอก เอาแค่หลับสนิทจริง ๆ ถ้ามีอุปกรณ์วัด วัดดูเลย 2 ชั่วโมงได้นี่คือ โอ้โห บุญหัวมาก ระยะเวลาแต่ละอย่างมันนิดเดียว กิน ออกกำลังกาย นอน ถ้างั้นเราจัดการปัจจุบันได้ จัดการความเครียดที่เหมือนจะมีอยู่ตลอดนะ ถ้าเราจัดการมันได้และทําให้ได้ตลอดเวลานี่ผมว่ามันสำคัญที่สุด


เราคอนโทรลสุขภาพใจไม่ได้ถ้าเราไม่เคยฝึก สิ่งที่ผมแนะนำเวลาคุยกับหลาย ๆ คน ผมอยากให้นั่งสมาธิ ผมก็ไม่ได้นั่งบ่อยนะอาจจะ 2-3 วันนั่งครั้งหนึ่ง 5 นาที 10 นาที ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่วัน แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันได้ดี ถึงเวลามีปัญหาอะไรเราอยู่กับปัจจุบันได้ สิ่งที่เรากลัว สิ่งที่เรากังวล อะไรก็แล้วแต่ มันไม่มีผลอะไรกับเราเลยเพราะว่าเราอยู่กับปัจจุบัน”


การอยู่กับปัจจุบันของช่างจ้ำทำให้เขาผ่านพ้นความเจ็บป่วยอย่างหนักในชีวิตมาแล้วอย่างน้อยสองครั้งด้วยกัน ครั้งแรกคือหมอนรองกระดูกฉีกขาดและอีกครั้งที่เขาบอกว่าสาหัสมากคือจอประสาทตาลอกซึ่งเพิ่งเกิดไม่นานมานี้เอง หลังจากการผ่าตัดรักษาดวงตา เขาต้องนอนคว่ำหน้า 90 องศาตลอดเวลา เป็นเวลากว่า 3 เดือน



“ตอนนั้นคือไม่ควรเดินเยอะ ต้องก้มหน้าตลอด ต้องนอนคว่ำ อันนี้มันน่าจะทรมานที่สุด ตอนเรื่องเจ็บหลังเดินไม่ได้ มันเจ็บแต่ยังพอทำอะไรได้ แต่อันนี้มันต้องก้มหน้าตลอด และก็ช่วงนั้นเองที่ผมพิสูจน์เรื่อง breath work เพราะเราทำ exercise ไม่ได้ ร่างกายมันก็ห่อเหี่ยวไปเรื่อย ๆ เราลองพิสูจน์ด้วยการหายใจ ก็ศึกษาตามยูทูปเลย เฮ้ย มันสดชื่น มันดีขึ้น ก็ได้พิสูจน์หลายอย่าง เช่น การออกไปตากแดด เราก้มหน้าแต่เราออกไปยืนตากแดด ก็ทําให้ร่างกายเรามันรู้นาฬิกาชีวิตได้ดีขึ้น แสงแดดจะเป็นตัวกำหนดฮอร์โมนการจัดการร่างกาย ออกไปตากแดดร่างกายก็รู้ อ้อ นี่มันตอนเช้าเดี๋ยวตื่น ผ่านไปกี่ชั่วโมงเดี๋ยวมันก็จะง่วงเอง ถ้าเราไม่โดนแดดเลยเรานอนคว่ำหน้าอยู่อย่างนี้มันก็ไม่รู้วันรู้เวลา บางทีก็นอนหลับตื่นมาตอนกลางคืนก็ไม่นอน แล้วมันก็เจ็บด้วย มันก็ยิ่งนอนยากขึ้น”


สุขภาพเจ็บป่วยที่ดูรุนแรงหนักหน่วงนั้น ถามว่าเขาผ่านพ้นมาได้อย่างไร เขาตอบยิ้ม ๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ว่า 


“คิดว่าถ้าไม่หายก็ไม่หาย บอดก็บอด เราก็มองไม่เห็นแค่นั้น มันก็ต้องอยู่กับปัจจุบัน เราทำอันนี้มาแล้วเราก็ต้องยอมรับ มันเป็นร่างกายเราก็ดูแลตามที่สมควร”


“ถ้าถามว่ากลัวไหมก็กลัวนะแต่ความกลัวมันเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เราก็ต้องจัดการมันได้”


“ไม่กลัวตายแต่กลัว…”


ฟังเรื่องความเจ็บป่วยและร่างกายที่ใช้งานหนักตลอดช่วงวัยหนุ่มของเขา ไม่ว่าจะเรื่องการปั่นจักรยานอย่างโหด การเล่นไตรกีฬาทั้งที่ทำงานตลอดทั้งคืนไม่ได้หลับ ฯลฯ ทำให้รู้สึกว่าช่างจ้ำเหมือนคนบ้าบิ่น กล้าท้าทายความตายเหลือเกิน จึงอดไม่ได้ที่จะถามเขาว่าไม่กลัวตายเลยหรือ คำตอบเขาชัดเจนและหนักแน่นว่า


“กลัวตาย…ไม่กลัวเลย!

แต่กลัวตายไม่รู้ตัว…กลัวเรื่องนี้อย่างเดียวเลย!”

ทีม Content ชีวามิตร avatar image
เรื่องโดยทีม Content ชีวามิตรอยู่อย่างมีความหมาย จากไปอย่างมีความสุข

สนับสนุนบทความโดย

Sponsor image

COMMENT

ความคิดเห็น 0 รายการ

User avatar image

RELATED

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด