- คลังความรู้
- เมื่อผู้ดูแลต้องดูแลตัวเอง
เมื่อผู้ดูแลต้องดูแลตัวเอง
ผู้ดูแลเป็นคนสำคัญในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่จำเป็นต้องดูแลตัวเอง หรือได้รับการประคับประคองจากคนรอบข้างด้วยเช่นกัน
เรื่องโดย พญ.จิราภา คชวัฒน์
เวลาเราขึ้นเครื่องบิน สิ่งหนึ่งที่มักได้ยินเสมอ คือ เมื่อมีเหตุที่ทำให้ความดันอากาศในเครื่องเปลี่ยน ให้ท่านสวมหน้ากากออกซิเจนกับตัวเองก่อน แล้วค่อยใส่ให้เด็ก นั่นเป็นเพราะการดูแลตัวเองให้พร้อมเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรลืมก่อนที่เราจะไปดูแลผู้อื่น
มีงานวิจัยในต่างประเทศที่พูดถึงการเปรียบเทียบอัตราการเสียชีวิต ระหว่างคนที่เป็นผู้ดูแล กับคนที่ไม่ได้เป็นผู้ดูแล ในอายุที่เท่ากัน พบว่าคนที่เป็นผู้ดูแลมีอัตราการการเสียชีวิตที่สูงกว่า ถึง 63% ซึ่งเป็นผลพวงจากสุขภาพที่เสียไป ความเครียด การเผชิญกับความสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้ดูแลอายุมากที่มีโรคประจำตัว ผู้ดูแลให้ข้อมูลว่า มักพบปัญหาเรื่องการนอน นิสัยการกินที่ดีเสียไป ไม่มีเวลาได้ออกกำลังกาย การขาดนัดแพทย์ และยังพบปัญหาการสูบบุหรี่และใช้แอลกอฮออล์มากขึ้นอีกด้วย
6 แนวทางในการดูแลตัวเองสำหรับผู้ดูแล
1. ลดความเครียด
ผู้เขียนเชื่อว่าทุกการดูแลมีความเครียดเกิดขึ้นได้เสมอจากหลาย ๆ เหตุผล เช่น เราไม่สามารถตอบสนองความต้องการให้ผู้ป่วยได้ มีความสัมพัน์ที่ไม่ดีกับผู้ป่วยอยู่เดิม หรือไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องบางเรื่องได้ สำหรับการจัดการกับความเครียด/ปัญหา สามารถทำได้ดังนี้
- สังเกตตัวเองเสมอว่ามีสัญญาณเริ่มแรกของความเครียดหรือไม่ เช่น อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ หลงลืมบ่อย ๆ
- พยายามถามตัวเองว่าเครียด หรือกังวลเรื่องอะไร แล้วเขียนปัญหาออกมา
- พิจารณาดูว่าปัญหาไหนสามารถแก้ไขได้ ปัญหาไหนไม่สามารถแก้ไขได้
- พิจารณาถึงวิธีแก้ปัญหา ว่าสามารถทำอย่าไรได้บ้าง แล้วเขียนออกมา
- ลงมือแก้ปัญหา ถ้าทำทุกทางที่คิดแล้วยังไม่สามารถจัดการได้ ให้ยอมรับมัน แล้วหาเวลามาจัดการใหม่ในครั้งหน้า
- จัดการกับความเครียดตามที่ตนเองถนัด เช่น ทำงานอดิเรก ทานอาหารที่ชอบ ไปเที่ยว หาเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ เป็นต้น
2. ตั้งเป้าหมายการดูแลตัวเองใน 3-6 เดือนข้างหน้า
โดยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ และวางแผนการปฏิบัติแบบชัดเจน เช่น เป้าหมายคือมีสุขภาพที่ดีขึ้น มีแผนคือไปพบแพทย์ตามนัด หาเวลาพักจากการดูแล 1 - 2 ชั่วโมงต่อวัน ออกไปเดิน 15 นาทีต่อวัน 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นต้น
3. มีการสื่อสารที่ดี
การสื่อสารที่ดีจะทำให้คนรอบตัวรับทราบความต้องการของเรา และยังช่วยระบายอารมณ์ ความรู้สึกในใจได้ เช่น ฝึกบอกความรู้สึกหรือความต้องการอย่างตรงไปตรงมา โดยเคารพสิทธิและความรู้สึกของผู้ฟัง และในขณะเดียวกันเราเองก็ต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย
4. กล้าที่จะขอความช่วยเหลือ
เมื่อเราไม่สามารถจัดการปัญหาได้ มีคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ควรเลือกคนที่เราจะขอความช่วยเหลือ ให้เหมาะสมกับงาน
- ควรคิดมาแล้วว่าต้องการความช่วยเหลือด้านใดบ้าง แบบเฉพาะเจาะจง เช่น ขอให้มาดูแลผู้ป่วยช่วงที่เราไปพักทานข้าวเที่ยง เป็นต้น
- หากถูกปฎิเสธแล้ว ให้หลีกเลี่ยงการขอความช่วยเหลือซ้ำจากคนเดิม
- เผื่อใจใว้เสมอสำหรับการถูกปฎิเสธ
5. พูดคุยกับแพทย์
อาจเป็นแพทย์ประจำตัวเราหรือผู้ป่วยก็ได้ บางครั้งการพบแพทย์นอกจากการตรวจรักษา รับยาแล้ว เราสามารถพูดคุยขอความเห็น คำแนะนำในการดูแลผู้ป่วยได้ เพื่อให้เรามั่นใจในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น
6. ตระหนักถึงอารมณ์ของตัวเอง
เช่น รู้ตัวว่ารู้สึกโกรธ เศร้า น้อยใจ และเรียนรู้ที่จะจัดการอย่างเหมาะสม เมื่อเรารู้ตัวว่าโกรธ ให้เวลาพักอยู่คนเดียว จนรู้สึกดีขึ้นก่อนที่จะมาดูแลผู้ป่วย หรือเมื่อเรารู้สึกเศร้า เบื่อหน่ายสิ่งที่เคยสนใจ แม้ไม่สามรถบอกได้ว่าเป็นอะไร แต่เรารู้ว่าต่างไปจากปกติที่เคยเป็น จะได้ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ได้
ทั้งหมดนี้สิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อนั้นคือ การให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนนั้น ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว หากแต่เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการดูแลผู้ป่วย เราจะสามารถดูแลคนอื่นได้ดี ก็ต่อเมื่อผู้ดูแลเองต้องมีความแข็งแรงทั้งกายและใจ