- คลังความรู้
- ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง
ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง
เมื่อต้องเลือกให้แม่จากอย่างทุกข์ทรมานน้อยที่สุด
เรื่องโดย ทีม Content ชีวามิตร
ประสบการณ์ 13 ปีในการดูแลแม่แบบเต็มเวลาของ คุณพร้อมสม รัตโนดม ทำให้สัมผัสได้ถึงความเข้มแข็งในการรับมือกับการเจ็บป่วยที่ยาวนานและโรคมากมาย เพื่อให้การจากไปของแม่ทุกข์ทรมานน้อยที่สุด
“ประมาณปี 2548 - 2549 แม่มีอาการเหนื่อย มาตรวจเจอว่าการคลายตัวของหัวใจผิดปกติ และมีปัญหาเรื่องลำไส้ที่เจาะถุงหน้าท้องไว้ตีบ ทุกเดือนต้องไปศิริราชเพื่อขยายรูทวารเทียม บวกกับมีโรคอื่น ๆ อีก เลยตัดสินใจลาออกจากงานเมื่อปี 2550 ตอนนั้นคิดแค่ว่า ต้องลางานบ่อยเพื่อพาแม่ไปหาหมอ ถ้าเราไม่พาไปก็ไม่มีใคร ไม่ได้คิดว่าจะดีหรือไม่ดี หรือออกมาจะทำอะไร
พอปี 2554 แม่ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อที่ปอด มีเชื้อราในกระแสเลือด นอนอยู่ศิริราชตั้งแต่ปลายปี 2554 ถึงมีนาคม 2555 พอออกจากโรงพยาบาลต้องใส่สายสวนปัสสาวะออกมาด้วย ต้องพาไปเปลี่ยนสายสวนทุกเดือน ทางลำไส้ก็ต้องไปหาเป็นระยะ ๆ และนัดหมอหัวใจเป็นประจำ
จากนั้นแม่มีปัญหาติดเชื้อทางเดินปัสสาวะอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ทุกครั้งก็ต้องแอดมิท แล้วมามีปัญหาลำไส้อุดตันตั้งแต่ปี 2557 เกิดจากผ่าตัดหน้าท้องหลายหน และแม่เคยฉายแสง ฝังแร่รักษามะเร็งปากมดลูก ทำให้เนื้อเยื่อไม่ดี ผนังหน้าท้องด้านในเย็บไม่ติด ลำไส้เลยปลิ้นจากผนังหน้าท้องด้านในออกมาตุงอยู่ผนังหน้าท้องด้านนอก ถ้ามองด้วยตาจะเห็นว่ามีลูก ๆ ปูดออกมา พอลำไส้บวมก็ถ่ายไม่ออก แล้วยังมีโรคภูมิแพ้ ปัญหาน้ำในโพรงสมอง คือถ้าให้นึกโรคที่แม่เป็น เรียกว่าจำไม่หมด เพราะเยอะ ตั้งแต่ปี 2557 - 2563 แอดมิทน่าจะ 40 - 50 ครั้ง บางเดือนเข้า ๆ ออก ๆ 5 ครั้งก็มี หลังปี 2557 ร่างกายแม่แย่ลงอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ โรยมาเรื่อย ๆ
ตอนมีปัญหาเรื่องน้ำในโพรงสมอง หมอเจาะน้ำในไขสันหลังมาตรวจ เจาะครั้งที่ 3 ประมาณมีนาคม 2562 หมอถามว่า จะผ่าใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองออกมาทางช่องท้องไหม ระหว่างตัดสินใจว่าจะผ่าหรือไม่ผ่า แม่มีไข้เลยสแกนช่องท้องดู ก็เจอก้อนในลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ปรากฏว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หมอบอกว่าร่างกายแม่ไม่แข็งแรงพอที่จะผ่าตัดได้ สรุปเลยไม่ตัดมะเร็ง แต่รักษาโดยให้คีโมเพื่อประคับประคองไม่ให้ก้อนมันโตขึ้น ตอนนั้นเราไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ให้คีโม ก้อนมะเร็งจะโตเร็วมากเพราะเป็นผลมาจากการฉายแสงเมื่อปี 2526 ทำให้เนื้อเยื่อเซลล์มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเชื้อมะเร็งขึ้นมา
พอให้คีโมร่างกายแม่ยิ่งโรยลงมาเรื่อย ๆ แต่ยังกินได้ นอนหลับ ไม่มีผลข้างเคียง ให้คีโมมาจนครบคอร์ส หมอวางแผนว่าอีก 3 เดือนให้แบบกิน แต่แม่มาทรุดตอนมิถุนายน 2563 เพราะความดันตก ซึ่งเราดูอาการภายนอกไม่รู้ พอตรวจเจอก็แอดมิทไอซียู ติดเชื้อในกระแสเลือดอีก และมาเจอลำไส้อุดตัน สแกนดูพบว่าก้อนมะเร็งโตขึ้นไปเบียดลำไส้เล็กช่วงที่จะออกมาทางถุงหน้าท้อง ทำให้ถ่ายไม่ออก
ครอบครัวคุยกันว่าจะผ่าหรือไม่ผ่า ผ่าก็เสี่ยง ไม่ผ่าก็เสี่ยง แม่พูดว่า ผ่า ๆ ไปเถอะ จะได้ตาย ไม่อยากอยู่แล้ว สุดท้ายแม่ก็ถ่ายออกมาเอง แต่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่พอ เลยต้องเจาะเปิดเส้นเลือดใหญ่ตรงต้นแขนเพื่อให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ พอถึงจุดนั้นเริ่มรู้แล้วแม่คงไม่ได้กลับบ้าน เพราะการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ เราไม่สามารถทำเองได้ที่บ้าน
ช่วงสุดท้ายของการรักษา เราเลือกทุกทางเลือกที่จำเป็นและไม่ทำให้แม่ทรมานมาก เป็นการรักษาตามกระบวนการ ไม่ได้ทำอะไรเพื่อยื้อชีวิต หรือทำให้ต้องเจ็บปวดทรมานเพิ่มขึ้น อย่างการให้อาหารทางหลอดเลือดก็เพื่อให้แม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระดับหนึ่งในขณะยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ทำเพื่อยื้อชีวิตให้นานที่สุด
การเจ็บป่วยของแม่อาจเอาหลักวิชาการมาตัดสินทั้งหมดไม่ได้ เราไม่ได้คุยกับหมอ Palliative Care โดยตรง แต่หมอที่รักษาแต่ละโรคของแม่บอกตรงกันว่า ให้แม่มีความสุขที่สุด อยากทำอะไรก็ทำ อยากกินอะไรก็กิน อยากไปไหนก็พาไป
ก่อนแม่เสีย เจ้าหน้าที่มาทำกายภาพบำบัดสังเกตว่า แม่มีอาการชัก ร่างกายไม่ตอบสนอง พูดไม่รู้เรื่อง พูดเพ้อ พอสแกนสมองก็ให้ยากันชัก และเอาแม่เข้าไอซียู หมอมาถามว่าจะใส่ท่อช่วยหายใจไหม จะปั๊มหัวใจไหม จะฟอกไตไหม จะให้ยากระตุ้นความดันไหม ครอบครัวตัดสินใจไม่เอาทั้งหมด คุยกับหมอว่าถ้าถึงที่สุดก็ให้ปล่อย แค่ 4 วันหลังจากนั้นแม่ก็ไป
เราไม่ได้อยู่ด้วยตอนแม่เสีย เพราะแม่อยู่ไอซียู เขาโทรมาบอกตอนตีสองว่า แม่ความดันตก ให้รีบมา เตรียมเสื้อผ้ามา แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็โทรมาบอกว่า แม่เสียแล้ว คือความดันตกแป๊บเดียวก็เสีย เลยไปไม่ทันดูใจ
ความรู้สึกที่มีอยู่จนถึงวันนี้คือ ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงแม่ และไม่มีวันไหนไม่ร้องไห้ มีคนบอกว่า ถ้าเราทำเต็มที่เมื่อเขาตายจะไม่เสียใจ เราก็ไม่เสียใจนะ เรารู้สึกว่าแม่หมดทุกข์แล้ว เพราะตอนมีชีวิตอยู่แม่มีความทุกข์เยอะ แม่ป่วยตั้งแต่ปี 2526 เป็นมะเร็งปากมดลูก การรักษาทำให้มีผลข้างเคียงต้องผ่าเปิดถุงหน้าท้องตั้งแต่ปี 2528 ทำให้แม่มีชีวิตไม่ปกติเหมือนคนทั่วไปมาตั้งแต่ตอนนั้น
ถึงวันนี้แม่ก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความเจ็บป่วยอีกต่อไปแล้ว”