- คลังความรู้
- หนึ่งนาทีสุดท้าย... ขึ้นอยู่กับหลายนาทีก่อนหน้านี้
หนึ่งนาทีสุดท้าย... ขึ้นอยู่กับหลายนาทีก่อนหน้านี้
บทความสะท้อนแง่มุมงดงามของชีวิตที่อยู่อย่างมีความหมาย จากไปอย่างมีความสุข
เรื่องโดย ปะการัง
เมื่อนึกอยากได้ดอกไม้ จะให้บานวันพรุ่งนี้เลย... คงไม่ได้
กว่าดอกไม้ดอกหนึ่งจะผลิบาน ต้องผ่านการเตรียมพร้อม สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ดินอุดม แดดน้ำพอดี- - ชีวิตก็เช่นกัน...
. . . . .
ทันทีที่ทราบข่าวร้ายจากคุณหมอว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย นีน่าตกใจร้องไห้เสียขวัญและก่นด่าพระเจ้าว่า “Why me?” ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ฉันทำอะไรผิด?
นีน่าเกิดมาในครอบครัวชาวคริสต์ แต่เมื่อโตขึ้นก็ค่อย ๆ ห่างไกลจากความเชื่อ กลมกลืนไปกับกระแสโลก ทว่าครั้งใดที่พบกับอุปสรรคปัญหา เธอก็มักกล่าวโทษ หาใครสักคนมารับผิดเสมอ หลายครั้ง ใครสักคนนั้นคือพระเจ้า! - -
เป็นเรื่องปกติที่เราจะรู้สึกเจ็บปวด โกรธ หรือไม่เชื่อ, ไม่ยอมรับความจริงที่ว่าตัวเองกำลังจะตาย ทั้ง ๆ ที่ความเชื่อทางคริสต์บอกเรามาตลอดว่า ความตายเป็นเหมือนการนอนหลับบนโลกนี้ และลืมตาตื่นเมื่อกลับถึงบ้านที่แท้จริงบนสวรรค์ มีความสุขนิรันดร์กับพระเจ้าที่เรารัก - - ถึงกระนั้น เราก็ยังกลัว ‘ความตาย’ อยู่ลึก ๆ ในใจ
แน่นอน ทุกคนอยากไปสวรรค์ แต่ไม่มีใครอยากตาย มีคนเคยเปรียบเปรยว่า ความรู้สึกจะเป็นเหมือน “การไม่อยากเลิกจากงานปาร์ตี้” เรารู้ว่าเดี๋ยวก็ต้องกลับบ้านอยู่ดี แต่งานเลี้ยงกำลังสนุกเลย ขออยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม? - - เราทุกคนต่างหลงไหลอยู่ในแสงไฟงานปาร์ตี้ของโลกนี้... นีน่าก็เช่นกัน!
. . . . .
เมื่อครั้งผมยังทำงานที่อเมริกา เพื่อนอาวุโสของผมคนหนึ่งชื่อเอ๊ด เรารู้จักกันที่โบสถ์คาทอลิก Good Shepherd ที่แซน ดิเอโก, รัฐแคลิฟอร์เนีย เอ๊ดเป็นชายร่างเล็ก อายุประมาณ 70 ปี แต่ยังแข็งแรง กระฉับกระเฉง ภรรยาของเขาเสียชีวิตแล้ว ลูก ๆ ทำงานต่างรัฐ เขาจึงใช้เวลาที่ผ่านไปแต่ละวันด้วยการเป็นอาสาสมัครช่วยงานในโบสถ์ ผมคอยเป็นลูกมือเขาทุกครั้งที่เจอกัน เอ๊ดชอบเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ผมฟังเสมอ ราวกับว่าผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ หลายเรื่องผมเคยรู้มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี... ด้วยเหตุนี้กระมัง เขาจึงชอบคุยกับผมและเราสนิทกัน
หลังจากที่คุยกันบ่อย ๆ เอ๊ดเริ่มมีของมาฝากผมเสมอ เป็นหนังสือคำสอนดี ๆ ที่น่าอ่าน เป็นภาพแขวนฝาผนัง หรือไม่ก็ไม้กางเขน แม้จะเป็นของเก่าเก็บส่วนตัวที่ไม่ใช่ซื้อหามาใหม่ แต่ก็สังเกตได้ว่า ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีเหมือนเป็นของรักของหวง จึงทำให้ผมรับมาด้วยความรู้สึกเกรงใจอย่างยิ่ง
แต่แล้วจู่ ๆ ก็ทราบข่าวว่าเขาเสียชีวิตในเช้ามืดวันหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ผมเพิ่งคุยกับเขาก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน... พวกเราต่างพากันตกใจ คิดว่าเขาจากไปกะทันหัน โดยไม่ทันตั้งตัว แต่บาทหลวงประจำโบสถ์เรา-คุณพ่อไมเคิลซึ่งสนิทสนมกับเอ๊ดบอกว่า
“ความตายเดินทางมาถึงเร็วก็จริง แต่ไม่ใช่ไม่ทันตั้งตัวอย่างที่พวกเธอคิด เขาเตรียมตัวมาอย่างดีทีเดียว...”
คุณพ่อไมเคิลเล่าว่า เอ๊ดไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร แต่เขารู้ดีว่าคนในวัยชราปลายชีวิต สิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ เขาจึงเริ่มจัดการตัวเอง เคลียร์ข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้เป็นภาระของลูก ๆ สิ่งใดใช้ไม่ได้แล้วก็ทิ้ง สิ่งที่ยังดีอยู่ ก็บริจาคแบ่งปัน ส่วนของรักของหวงก็มอบให้ลูกหลานเพื่อนสนิท คงเป็นอย่างนี้เองสินะ ผมถึงได้รับหลายสิ่งหลายอย่างจากเขา - - นั่นเป็นสัญญาณเริ่มต้นว่าเอ๊ดกำลังทยอยปิดไฟแสงสีของงานปาร์ตี้บนโลกนี้...
มิเพียงเตรียมตัวทางกาย เพื่อให้วันสุดท้ายไม่ต้องมีห่วงหนักให้กังวล เขายังเตรียมตัวทางใจด้วย การไปช่วยงานที่โบสถ์ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการตระเตรียมของเขา - - เอ๊ดต้องการให้จิตใจมุ่งอยู่ที่สันติสุขของพระคริสต์โดยเฉพาะ จึงปลดปล่อยทุกพันธะ วางภาระทางโลกให้ตัวเบาใจสบาย
“เขาเตรียมทุกอย่างสำหรับวันสุดท้ายด้วยตัวเอง และยังซ้อมจนคล่องด้วย” คุณพ่อไมเคิลพูดในตอนหนึ่งของบทสนทนา
“อะไรนะ?” พวกเราแทบจะร้องพร้อมกันเป็นเสียงเดียว ไม่เข้าใจคำพูดที่ว่า “ซ้อมจนคล่อง”
ทุกครั้งที่เอ๊ดป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ขณะนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล แม้อาการดูเหมือนไม่ได้หนักหนา แต่เขาจะให้พยาบาลโทรเรียกคุณพ่อไมเคิลเสมอ เอ๊ดต้องการสารภาพบาป รับศีลเสบียง ครั้งสุดท้าย ทำใจสบาย เตรียมพร้อมเดินทาง มุ่งหน้าไปจุดหมายเดียวอย่างมั่นใจ คือสวรรค์ - - หากยังไม่ถึงเวลาที่ใช่ เกิดฟื้นตื่นลืมตาบนโลกอีกครั้ง เขาจะรีบขอโทษคุณพ่อไมเคิล และพูดว่า “ถือเป็นการซ้อมนะคุณพ่อ...”
. . . . .
ดร. ฟรานซิส คอลลินส์ นายแพทย์นักพันธุศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อดัง ผู้ค้นพบยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคหลายชนิดและเป็นผู้นำโครงการจีโนมมนุษย์ เดิมทีก็เป็นผู้หนึ่งที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ตอนที่ยังเป็นหมอหนุ่ม เขารู้สึกแปลกใจว่า ทำไมผู้ป่วยที่นอนทรมานอยู่บนเตียงด้วยโรคร้าย ถึงยังนิ่งสงบอยู่ได้ ไม่โกรธเกรี้ยวกราดด่าทอพระเจ้าถึงความเจ็บปวดที่ตัวเองกำลังเผชิญเหมือนคนไข้รายอื่นที่เขาเห็นบ่อย ๆ...
คนไข้รายหนึ่งเป็นหญิงชราป่วยด้วยโรคหัวใจ เธอเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงเป็นประจำ ยาของคุณหมอไม่ได้ผล ไม่สามารถบรรเทาความปวดลงได้ ดร.ฟรานซิสเล่าว่า “ระหว่างนั้น เธอจะอธิษฐานด้วยความตั้งใจจริงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แล้วเธอก็ผ่านมันไปได้และยังคงดูสงบสุข...”
ดร.ฟรานซิส ณ ขณะนั้น เป็นนักวิทยาศาสตร์เต็มตัว ไม่นับถือศาสนาใด เขายังรู้สึกแปลกใจและมองเห็นถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดของผู้ป่วยใกล้ตาย ทั้งที่เชื่อและไม่เชื่อในพระเจ้า!
. . . . .
เอ๊ดจากไปอย่างสงบ และคงเดินทางไปถึงจุดหมายตามที่มุ่งหวัง เพราะเขาได้ทำทุกสิ่งที่เขาเชื่อครบถ้วนแล้ว - - คุณพ่อได้มาถึงข้างเตียงฟังแก้บาป และขอพระเจ้าให้อภัย, ทำพิธีเรียบง่ายให้เอ๊ดได้รับศีลเสบียง ซึ่งคาทอลิกเชื่อว่าเป็นเสบียงสำหรับการเดินทางเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ อีกทั้งคุณพ่อยังได้ร่วมสวดภาวนาครั้งสุดท้าย ให้พระเจ้ารับดวงวิญญาณของเขาสู่อ้อมพระหัตถ์ของพระองค์...
ถ้าเปรียบเสมือนการขึ้นรถไฟไปที่ไหนสักแห่ง ก็นับว่าเป็นการเดินทางที่แสนอบอุ่น มีคนไปส่งที่สถานี โบกมืออำลา ฝากเสบียงไว้กินระหว่างทาง แล้วยังโทรบอกล่วงหน้าให้คนมารับเมื่อถึงจุดหมาย
ขณะบางคน อาจงุนงงสับสน ตั้งแต่ที่สถานีว่าจะไปรถขบวนไหนดี เคว้งคว้างและหลงทางในความมืดมิดอย่างเดียวดาย...
. . . . .
เมื่อนึกอยากได้ดอกไม้ จะให้บานวันพรุ่งนี้เลย... คงไม่ได้
กว่าดอกไม้ดอกหนึ่งจะผลิบาน ต้องผ่านการเตรียมพร้อม สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ดินอุดม แดดน้ำพอดี- -
ชีวิตก็เช่นกัน ถ้าจะให้จากไปดีในนาทีสุดท้าย ก็ต้องตระเตรียมชีวิตที่ดีไว้ ตั้งแต่หลาย ๆ นาทีก่อนหน้านั้น - - ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อม ลงมือหว่านเมล็ดพันธุ์, พรวนดินบนพื้นโลกนี้ เพื่อให้ดอกไม้บานนิรันดร์ในสวนสวรรค์!